8 เคล็ดลับ กำจัดไขมัน ไม่ต้องง้อฟิตเนส
ใครอยากผอมยอมอดแต่ไม่ยอมเข้าฟิตเนส กำจัดไขมัน เพราะไม่มีเวลา คลินิกขอนแก่นเชื่อว่า ผู้หญิงหลายคนมีข้อแม้ข้อแต่ข้ออ้างสำหรับการหาเวลาไปออกกำลังกายเสมอ ถึงแม้ว่าเราอยากจะผอมหุ่นดีมีความเพรียวปราดเปรียวมากแค่ไหรก็ตาม แต่ในบางครั้งการที่ต้องไปฟิตเนสก็เหมือนจะเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับใครหลายๆคนเพราะกว่าที่จะเตรียมของกว่าที่จะออกจากบ้าน กว่าจะไปถึงฟิตเนสเราต้องใช้เวลาทั้งหมดนี้เป็นวันเลยล่ะ และเรื่องที่ยากไปกว่านั้นก็คือ การกล่อมตัวเองให้เตรียมของให้ลูกออกจากบ้านแล้วไปฟิตเนสนั่นเอง แต่วันนี้เราไม่ต้องกังวลกับเรื่องเหล่านี้อีกต่อไปเพราะเราสามารถสวยได้ผอมได้ด้วยการออกกำลังกายง่ายๆอยู่ในบ้านของเรานั่นเองแล้ววันนี้ เราจะพาไปดูกันว่า วิธีการออกกำลังกายและลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีเห็นผลได้จริงเป็นอย่างไร
- หลังตื่นนอน Exercise ทันที
การออกกำลังกายในตอนเช้าเป็นการกระตุ้นการเผาผลาญได้ดีไม่แพ้การออกกำลังกายในช่วงเย็นและที่สำคัญมันจะเป็นช่วงที่จะช่วยทำให้เราตื่นตัวก่อนมื้อเช้าเราจึงควรเริ่มต้นกันตั้งแต่ ลุกขึ้นมาจากที่นอน แล้วเริ่มการออกกำลังกายง่ายๆเป็นต้นว่า สควอชจั้ม แพล๊งค์ จ๊อกกิ้งหน้าบ้านหรือรอบหมู่บ้าน หรือใครจะเล่นเวทเล่นโยคะ ก็เป็นการออกกำลังกายที่ดีไม่น้อยถ้าหากเราทำทั้งหมดนี้สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปได้ในแต่ละวันจะช่วยได้เราเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้มากกว่าการออกกำลังกายหลังทานข้าวเช้ามาถึง 20 เปอร์เซ็นต์ทำง่ายๆสบายๆวันละ 10-15 นาทีก็เพียงพอ
สาวออฟฟิศหลายคนมักจะเจอกับปัญหาสุขภาพเรื่องออฟฟิศซินโดรมซึ่งแน่นอนว่าการที่คุณจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้ลุกออกไปไหนเป็นระยะเวลายาวนานบางคนแทบจะตลอดทั้งวันในช่วงเวลาการทำงานนอกจากที่มันจะทำให้คุณเจอกับออฟฟิศซินโดรมแล้วมันยังทำให้ คุณต้องเจอกับอาการตัวบวม และไม่มีการเผาผลาญพลังงาน รวมไปถึงระบบไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองไม่ดี ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่มีโอกาสเราควรจะใช้การเดินแทนการขึ้นเล็บหรือการขึ้นบันไดเลื่อน
- สั้นๆบ่อยๆได้ผลดีกว่า
ในที่นี้หมายถึงการออกกำลังกายอย่างที่หลายคนเข้าใจก็คือเราต้องออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงเพื่อการลดไขมันส่วนเกิน แต่หลายคนก็ทำได้เพียงแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นก็ล้มเลิกไปแน่นอนว่านอกจากจะไม่ได้ผลแล้วมันยังทำให้ไขมันส่วนเกินพอขุนพรหมมาคืนหรือยังคงอยู่เท่าเดิมอีกด้วย การออกกำลังกายที่ถูกต้องควรจะทำได้น้อยแต่ทำบ่อยๆการออกกำลังกายที่ดี 30 นาทีต่อวันก็เพียงพอแต่ทำเป็นประจำทุกวัน โดยใช้หลักการออกกำลังกายแบบสลับหนักเบา ซึ่งเราสามารถทำได้ง่ายๆเริ่มต้นตั้งแต่ การออกกำลังกายแบบโยคะ หรือพิลาทิส เพื่อเป็นการฝึกกล้ามเนื้อ แอโรบิค ซึ่งเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอรูปแบบหนึ่ง มันจะช่วยให้คุณเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้ดีขึ้น ซึ่งการออกกำลังกายแบบ Cardio ยังมีอีกหลากหลายประเภท เป็นต้นว่าวิ่งจ๊อกกิ้ง หรือปั่นจักรยาน ความเร็วสูงแบบคงที่ตลอด 10 นาที การออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง เป็นการออกกำลังกายโดยใช้น้ำหนักตัวเรา เพื่อฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ไม่ว่าจะเป็น planking สก๊อตจั๊ม เป็นต้น
- นอนหลับพักผ่อนให้ถูกต้อง
การพักผ่อนที่ดีที่สุดไม่ใช่การนอนให้นานที่สุด แต่เป็นการหลับให้ลึก ถึงจะเป็นการนอนที่ถูกสุขลักษณะและดีต่อสุขภาพ ถ้าคุณหลับลึก ต่อให้วันนั้นนอนแค่ 3 หรือ 4 ชั่วโมงก็ทำให้คุณสดชื่นได้ ตรงกันข้ามถ้าหากคุณนอน 8 ชั่วโมงแต่เป็นการนอนที่ไม่มีประสิทธิภาพหลับๆตื่นๆพริกตัวไปมาตลอดทั้งคืนหรือคุณหลับไม่สนิทไม่ว่าจะเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมทางด้านแสงและเสียงหรือใดๆก็ตามจะรู้สึกได้เลยว่าหลังจากตื่นนอนขึ้นมา จะรู้สึกไม่เฟรช รู้สึกเหมือนยังคงไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืน แต่ถ้าหากเป็นไปได้ถ้าเราสามารถนำทั้งสองรูปแบบการนอนนี้มารวมกัน นั่นก็คือนอนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงและเป็นการนอนที่มีคุณภาพหลับลึกไร้ซึ่งสิ่งรบกวน ไม่ว่าจะเป็นแสง เสียงภายในห้องต้องเงียบและมืดสนิท การทำสมาธิโดยการสวดมนต์ก่อนนอน เป็นวิธีการที่จะช่วยให้คุณคลายความตึงเครียดก่อนนอนได้เป็นอย่างดี ซึ่งถ้าหากคุณทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่องก็จะพบว่าการสวดมนต์ก่อนนอนทำให้เราหลับลึกขึ้นหลับสบายมากขึ้นมากกว่าการง่วงแล้วหลับไปเฉยๆ
- เผาผลาญพลังงานตลอดเวลาที่มีโอกาส
ทุกที่ทุกเวลาเราสามารถเผาผลาญพลังงานได้ ไม่ว่าเราจะทำงานเราก็สามารถเลือกใช้การเดินขึ้นลงบันไดแทนการใช้ลิฟท์ หรือใครที่เดินทางโดยใช้บริการรถสาธารณะสามารถเลือกลงก่อนถึงป้ายที่ทำงานหนึ่งป้าย จากนั้นเดินต่อซึ่งก็อาจจะเป็นระยะทางประมาณ 50 ถึง 100 เมตรกำลังเป็นระยะที่ดีสำหรับการเดิน เพื่อการเผาผลาญในแต่ละวันและต้องทำให้บ่อย
- มีโอกาสให้เคลื่อนไหวเต้นเต้นเต้นเข้าไป
เริ่มต้นจากการหาเพลงมันๆที่คุณชื่นชอบ เปิดเพลงในห้องของคุณ แล้วกระโดดโลดเต้นอย่างอิสระ นอกจากที่จะสามารถช่วยควบคุมหรือลดไขมันได้แล้วยังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย
- เคลื่อนไหวร่างกายขณะนั่ง
คนส่วนใหญ่ มักจะเข้าใจว่าเวลาที่เราทำงานเราก็นั่งตั้งใจทำงานโดยไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกาย หรือเวลาที่เราอยู่บ้านพักผ่อนนั่งๆนอนๆดูทีวี ทำให้ร่างกายอยู่นิ่งๆไม่มีการกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานแต่เราสามารถที่จะใช้เวลาทั้งหมดเหล่านี้เคลื่อนไหวร่างกายได้ ไม่ว่าจะเป็นการ โยกตัวไปมาช้าๆเบาๆ การขยับขา การบริหารแขนโดยการหมุนหัวไหล่ เป็นท่ากายบริหารเบื้องต้นง่ายๆเบาๆที่ทำให้เราผ่อนคลายความตึงเครียดและเปลี่ยนอิริยาบถได้ดี
- สร้างสุขภาพจิตให้แจ่มใสอยู่เสมอ
สุขภาพกายกับสุขภาพใจเป็นเรื่องที่มีความสำคัญไม่แพ้กันแต่ถ้าหากเราอยากมีสุขภาพกายดีเราจำเป็นที่จะต้องสร้างสุขภาพใจให้ดีก่อนพร้อมเมื่อไหร่ก็ตามที่เรายิ้มแย้มแจ่มใสอารมณ์ดีอยู่เสมอก็จะช่วยให้เราเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น การหัวเราะบ่อยๆวันละ 15 นาทีต่อวันช่วยเผาผลาญพลังงานได้มากถึง 40 กิโลกรัมและแคลอรี่ ดังนั้น ไม่ว่าจะมีเรื่องตึงเครียดมากแค่ไหนก็อย่าลืมหัวเราะ กับเรื่องง่ายๆให้ได้ทุกวันฝึกจนเป็นนิสัย แล้วเราก็จะรู้สึกมีความสุขกับทุกๆวันไปเอง
ลดไขมันทำอย่างไรให้ปลอดภัยและได้ผล
ไขมันนับเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่สำคัญต่อร่างกาย เป็นแหล่งสะสมพลังงานหลักที่ร่างกายจะนำไปใช้ทำกิจกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ ไขมันยังเก็บสะสมพลังงานส่วนเกินเอาไว้เพื่อนำไปเผาผลาญในกรณีที่เกิดภาวะหิว รวมทั้งปล่อยฮอร์โมนที่ควบคุมการทำงานของเมตาบอลิซึม อย่างไรก็ตาม ควรบริโภคอาหารที่มีไขมันและคาร์โบไฮเดรตในปริมาณเหมาะสมเพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดไขมันส่วนเกินสะสมตามร่างกาย
ไขมันแต่ละชนิดในร่างกายแตกต่างอย่างไร ?
ไขมันนับเป็นแหล่งสะสมพลังงานที่สำคัญของร่างกาย โดยร่างกายประกอบด้วยไขมันหลายชนิด ได้แก่ ไขมันสีน้ำตาล ไขมันสีขาว ไขมันใต้ผิวหนัง และไขมันในช่องท้อง
- ไขมันสีน้ำตาล (Brown Fat) ไขมันชนิดนี้มีสีน้ำตาลอมแดง เนื่องจากมีไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นแหล่งผลิตพลังงานของเซลล์ ทำให้เกิดความร้อน ทารกจะมีไขมันสีน้ำตาลเยอะ เพื่อช่วยให้ร่างกายอบอุ่นหลังคลอดออกมา และจะมีไขมันชนิดนี้ลดลงเมื่ออายุมากขึ้น ไขมันสีน้ำตาลมักแทรกตามบริเวณที่มีไขมันสีขาวด้วย เช่น คอ อกส่วนบน และหัวไหล่ ทั้งนี้ ไขมันสีน้ำตาลยังเผาผลาญไขมันในเลือด ซึ่งเป็นไขมันที่เก็บแคลอรี่เอาไว้
- ไขมันสีขาว (White Fat) ไขมันชนิดนี้ทำหน้าที่เก็บสะสมพลังงานและผลิตฮอร์โมนที่ซึมเข้ากระแสเลือด โดยทั่วไปแล้ว เซลล์ไขมันขนาดเล็กจะผลิตฮอร์โมนอดิโพเนคทิน (Adiponectin) ซึ่งทำให้ตับและกล้ามเนื้อไวต่ออินซูลิน กระบวนการดังกล่าวจะช่วยให้ไม่ป่วยเป็นเบาหวานหรือโรคหัวใจได้ง่าย หากร่างกายสะสมไขมันจนอ้วน จะส่งผลให้ผลิตฮอร์โมนอดิโพเนคทินช้าลงหรือไม่ผลิตฮอร์โมนเลย ไขมันสีขาวจัดเป็นไขมันไม่ดี ส่งผลให้เกิดไขมันสะสมที่หน้าท้องและต้นขา
- ไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) ไขมันชนิดนี้พบได้ที่ชั้นผิวหนัง หากมีไขมันใต้ผิวหนังสะสมที่ต้นขาหรือก้นอาจไม่อันตรายหรือก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีเซลล์ไขมันใต้ผิวหนังสะสมอยู่ที่ท้องอาจเสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพได้ เนื่องจากปรากฏหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ว่าผู้ที่มีไขมันรอบสะดืออันเกิดจากไขมันในช่องท้องและไขมันใต้ผิวหนัง ต่างอยู่ในเกณฑ์เสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพ ทั้งนี้ ไขมันใต้ผิวหนังสามารถวัดได้ โดยใช้เครื่องหนีบวัดไขมัน (Skin-Fold Calipers)
- ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ไขมันชนิดนี้จะสะสมอยู่ลึกกว่าชั้นผิวหนัง โดยอยู่ในช่องท้อง รอบอวัยวะภายในร่างกาย เช่น กระเพาะอาหาร ตับ หรือลำไส้เล็ก ไขมันชนิดนี้อยู่ใกล้ตับมาก ซึ่งตับอาจเปลี่ยนไขมันนี้เป็นคอเลสเตอรอล รวมทั้งอาจดูดซึมเข้ากระแสเลือดและสะสมตามผนังหลอดเลือดแดง ทำให้หลอดเลือดตีบ ไขมันช่องท้องก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ผู้ที่มีรอบเอวหรือหน้าท้องใหญ่มากถือว่ามีไขมันในช่องท้อง ทำให้เสี่ยงเป็นเบาหวาน โรคหัวใจ หลอดเลือดในสมอง หรือสมองเสื่อม ทั้งนี้ ไขมันในช่องท้องยังทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน (Insulin Resistance) โดยทำให้ร่างกายไม่สามารถนำอินซูลินมาใช้ได้ตามปกติ ซึ่งกระตุ้นให้เสี่ยงเป็นเบาหวานได้
ฉีดโบท็อกซ์ ขอนแก่น , ฉีดฟีลเลอร์ ขอนแก่น , ร้อยไหมขอนแก่น , คลินิก ขอนแก่น , ผิวขาว ขอนแก่น
วันดี คลินิก ขอนแก่น (wandee clinic ) คลินิกความงาม ที่ได้มาตรฐาน
มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คอยให้คำปรึกษา และแก้ปัญหาที่คุณต้องการ
สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ :
วันดี คลินิก 344/17 ซอยรื่นรมย์ ต.ในเมือง อ.เมือง ขอนแก่น 40000
โทร : 097-935-5556
Line : @wandeeclinic
เว็บไซต์ : www.wandeeclinic.com