หลักการของการฉีดโบท็อก
ฉีดโบท็อก โดยปกติแล้วนั้น การทำงานของโบท็อกจะออกฤทธิ์ได้ดีบริเวณมัดกล้ามเนื้อ โดยการทำงานของโบท็อกนี้จะส่งผลต่อระบบประสาท NEUROTOXIN ส่งผลทำให้เกิดการคลายตัวของมัดกล้ามเนื้อที่รวมตัวกันอย่างแน่นหนาซึ่งในการฉีดโบท็อกสามารถช่วยกระชับกล้ามเนื้อให้ดูมีขนาดเล็กลงได้จึงนิยมนำมาใช้ช่วยในการทำหน้าเรียว และอวัยวะอื่น ๆ โดยสารดังกล่าวที่ฉีดเข้าไปแล้วนั้น จะสลายตัวได้เอง โดยธรรมชาติตามระยะเวลาที่กำหนด และตามจำนวนปริมาณที่ฉีดเข้าไปในร่างกายด้วยซึ่ง โดยปกติจะมีอายุอยู่บนร่างกายประมาณ 6 เดือนถึง 12 เดือนขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ และปริมาณที่ใช้นั่นเองจึงทำให้การฉีดโบท็อกผู้ที่ใช้งานจะต้องกลับมาฉีดใหม่หลังจากที่หมดอายุ หรือเลยระยะเวลาการทำงานของสารดังกล่าวแต่อย่างไรก็ดีการฉีดโบท็อกนี้เรียกได้ว่าเป็นการเสริมความงามก็ว่าได้ดังนั้น ไม่บังคับว่าท่านจะต้องกลับมาฉีดซ้ำขึ้นอยู่กับความสมัครใจ และความต้องการของตัวผู้ใช้งานเอง
วิธีการฉีดโบท็อกแบบ DERMOLIFT
วิธีการฉีดรูปแบบนี้จะเป็นการฉีดโบท็อกลงบนชั้นผิวหนังบริเวณกรอบหน้า โดยจะช่วยออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อหดตัวดังนั้น นิยมจะใช้ในผู้ที่มีความต้องการยกกล้ามเนื้อหน้าขึ้นไปเล็กน้อยลดอาการหย่อนคล้อยของใบหน้าจะฉีดตั้งแต่บริเวณขมับลงมาถึงกรามตามกรอบหน้า และยังสามารถฉีดบริเวณหลังหูได้อีกด้วย โดยการออกฤทธิ์นี้จะมีอายุประมาณ 1-2 เดือนเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าอย่างรวดเร็วแต่ไม่แนะนำให้ทำการฉีดรูปแบบดังกล่าวบ่อยครั้งเพราะอาจส่งผลทำให้เกิดอาการดื้อโบท็อกได้นิยมจะใช้ในยี่ห้อ DYSPORT และ NABOTA
หลักการฉีดโบท็อกด้วยวิธี NEFERTITI LIFT
โดยวิธีการเลือกฉีดโบท็อกวิธีนี้จะใช้การฉีดลงบนกล้ามเนื้อบริเวณใต้กรามรวมไปถึงบริเวณลำคอเพื่อส่งผลทำให้กล้ามเนื้อบริเวณด้านบน หรือบริเวณกรอบหน้ามีแรงที่จะยกกระชับตัวดึงสูงขึ้นจึงทำให้กรอบหน้ามีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยวิธีการทำลักษณะนี้จะสามารถมีอายุการใช้งานอยู่ได้ 3-4 เดือนจะเห็นได้ว่าวิธีการฉีดโบท็อกด้วยเทคนิค NEFERTITI LIFT จะมีอายุการใช้งานนานกว่าการฉีดโบท็อกรูปแบบอื่นแต่ถ้าหากว่าต้องการให้ใบหน้ากระชับอย่างเร่งด่วนสามารถเลือกฉีดโบท็อกทั้ง 2 วิธีได้พร้อมกัน โดยที่จะไม่ส่งผลเสียอย่างอื่นตามมา
สรุป
ก่อนที่ท่านจะเลือกฉีดโบท็อกยี่ห้อใดท่านควรที่จะศึกษาทำความเข้าใจ เนื่องจากว่าแต่ละยี่ห้อจะสามารถใช้ลงบนบริเวณอวัยวะที่แตกต่างกัน รวมถึงอายุการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างทางด้านเทคนิค และวิธีการฉีดเพื่อช่วยยกกระชับและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน โดยเทคนิคดังกล่าว จะส่งผลต่อประสิทธิภาพแล้วผลอื่น ๆ ที่จะตามมาที่แตกต่างกันดังนั้นท่านจะต้องทำการศึกษาให้เข้าใจ และแยกแยะให้ออกเพื่อเลือกใช้ BOTOX ได้อย่างถูกต้อง และเหมาะสมกับความต้องการของตัวท่านเองมากที่สุด