การฉีดฟิลเลอร์จมูก ควรมีขั้นตอนในการเตรียมตัวที่เหมาะสมก่อนฉีดเพื่อให้ร่างกายพร้อมมากที่สุดในการฉีดฟิลเลอร์ โดย 2 อาทิตย์ก่อนทำ คนไข้ควรหาข้อมูลรีวิวจากผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์ในคลินิกหรือสถาบันเสริมความงามนั้นๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ โดยควรเลือกรีวิวที่เป็นคลิปวีดิโอ เพราะมีความน่าเชื่อถือกว่า นอกจากนี้ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ในคลินิกหรือสถาบันเสริมความงามนั้นๆ เพื่อให้แพทย์ได้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับตัวคุณ ว่าแพ้ยาชาหรือไม่ มีประวัติที่เกี่ยวข้องกับการฉีดฟิลเลอร์มาแล้วมากน้อยแค่ไหน มีโรคประจำตัวใดบ้าง เพราะผู้ที่เคยมีประวัติแพ้ยาชา หรือแพ้สารจำพวก Hyaluronic Acid จะไม่สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้ รวมถึงสตรีมีครรภ์ และสตรีที่กำลังให้นมบุตร จะต้องหลีกเลี่ยงการฉีดสารฟิลเลอร์เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนการฉีดทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยของตัวคนไข้เอง
กรณีที่ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเริม หรืองูสงัด แนะนำว่าควรรอให้อาการหายดีก่อนที่จะฉีด ส่วนผู้ที่รับประทานวิตามิน อาหารเสริมประเภท Vitamin E, Garlic , Primrose Oil, St. Johns Wort, Ginko Biloba ควรงดวิตามินเหล่านี้ก่อนการฉีดฟิลเลอร์จมูกอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เช่นเดียวกับผู้ที่รับประทานยาแอสไพริน อาทิ Ibuprofen, Dicofenac, Ponstan ควรงดรับประทานยาเหล่านี้ก่อนการฉีด 1 สัปดาห์ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ก่อนฉีดฟิลเลอร์ 24 ชั่วโมง ควรงดดื่มแอลกอฮอลล์ สูบบุหรี่ และงดทำกิจกรรมทุกประเภทที่ส่งผลให้เลือดสูบฉีดเยอะ เช่น ออกกำลังกายประเภทคาร์ดิโอ เข้าซาวน่า เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหลังการฉีดได้
หลังจากฉีดฟิลเลอร์จมูกแล้ว อาจจะมีอาการบวมหรือไม่มีก็ได้ ซึ่งหากมีอาการบวม รอยช้ำ รอยแดง โดยอาการเหล่านี้จะอยู่ราวๆ 3-7 วัน จากนั้นจะจางหายไปจนเป็นปกติ ซึ่งอาการบวม รวมไปถึงรอยแดง รอยช้ำ เกิดมาจากขั้นตอนในการฉีดที่อาจจะใช้เข็มฉีดยาจิ้มหนักเกินไปบริเวณส่วนต่างๆ ของจมูก ทำให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยตามมาได้ หากคนไข้มีอาการดังกล่าวไม่ต้องกังวลไป เพราะอาการเหล่านี้เป็นเรื่องปกติในการฉีดฟิลเลอร์ทุกประเภท
หลังจากฉีดฟิลเลอร์จมูก ควรปฏิบัติตัวอย่างไร ?
หลังจากฉีดฟิลเลอร์จมูกแล้ว สิ่งที่คนไข้ควรปฏิบัติตัวให้ถูกต้องและเหมาะสมเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น มีดังนี้
1.ภายใน 6 ชั่วโมงหลังจากการฉีด หากเกิดอาการบวมช้ำ ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือผ้าพันน้ำแข็ง ประคบเบาๆ บริเวณที่บวม จะช่วยให้อาการบวมดีขึ้นได้ และถ้าหากยาชาหมดฤทธิ์และเกิดอาการปวดในช่วงหลังจากฉีด คนไข้สามารถรับประทานยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวดได้ หากยังปวดอยู่ให้เปลี่ยนมารับประทานยาแก้ปวดในกลุ่มอื่นๆ เช่น Ibuprofen, Arcoxia หรือ Diclofenac แทน
2.ในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังจากการฉีด ควรงดออกกำลังกายหนักๆ หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่ร้อนจัด หรือมีอุณหภูมิสูง เช่น ซาวน่า เพราะจะทำให้เกิดรอยแดงบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ และควรงดสัมผัส ลูบคลำ นวด คลึง หรือปั้นจมูกให้เป็นรูปทรงด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้จมูกผิดรูปทรงไปจากเดิมได้
3.ในช่วง 2-3 คืนแรกหลังจากการฉีด คนไข้ควรนอนในห้องแอร์ที่มีอุณหภูมิ 18-23 องศาเซลเซียส โดยยกหมอนให้สูงกว่าบริเวณหน้าอก หรือใช้หมอนหนุนอย่างน้อย 2 ใบ เพื่อให้สารฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไป อยู่ในสภาพคงตัวอย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงการนอนตะแคง หรือนำหมอนมากดทับบริเวณหน้า เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์
4.ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร โดยเฉพาะในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังการฉีด เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพให้ฟิลเลอร์เติมเต็มใต้ชั้นผิวหนังได้ดีขึ้น โดยการดื่มน้ำมากๆ นั้นจะช่วยให้ฟิลเลอร์ฟู และลดอาการบวมช้ำจากแรงกระแทกภายในอกได้ดี
Credit : Naadengcafe
ฉีดโบท็อกซ์ ขอนแก่น , ฉีดฟีลเลอร์ ขอนแก่น , ร้อยไหม ขอนแก่น , คลินิก ขอนแก่น , ผิวขาว ขอนแก่น
วันดี คลินิก ขอนแก่น (wandee clinic ) คลินิกความงาม ที่ได้มาตรฐาน
มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คอยให้คำปรึกษา และแก้ปัญหาที่คุณต้องการ
สามารถติดต่อสอบถามได้ที่
วันดี คลินิก 344/17 ซอยรื่นรมย์ ต.ในเมือง อ.เมือง ขอนแก่น 40000
โทร : 097-935-5556
Line : @wandeeclinic
เว็บไซต์ : www.wandeeclinic.com