NAD+ IV Therapy ตัวช่วยฟื้นฟูร่างกาย ชะลอความแก่ ที่กำลังมาแรงมากในตอนนี้ สำหรับสาว ๆ หนุ่ม ๆ ที่กำลังเจอปัญหาร่างกายดูเหนื่อยล้า ผิวดูไม่สดใส หรือต้องการคงความอ่อนเยาว์ให้กับผิว NAD+ ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก เพราะปลอดภัย ทั้งยังสามารถดูแลผิวได้ในระดับ DNA วันนี้ Wandee Clinic จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ เจาะลึก NAD+ IV Therapy วิตามินชะลอวัย ดูแลสุขภาพดีจริงไหม ?
สารบัญ
- ดริปวิตามินผิว (IV Drip) คืออะไร
- NAD+ คืออะไร
- ถ้าร่างกายขาด NAD+ จะเกิดอะไรขึ้น ?
- NAD+ มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร ?
- NAD+ IV Therapy คืออะไร
- การทำ NAD+ Therapy เหมาะกับใคร
- ใครที่เหมาะกับการทำ NAD+ IV Therapy
- ข้อดีของการดริปวิตามิน NAD+ IV Therapy
- เตรียมก่อนทำ NAD+ IV Therapy มีอะไรบ้าง ?
- ข้อควรปฏิบัติหลังการทำ NAD+ Therapy
- ทำไมต้องทำ NAD+ IV Therapy ที่ Wandee Clinic
- ใครที่ไม่ควรเติมวิตามิน NAD+
- ดริปวิตามิน แตกต่างจากการกินอาหารเสริมไหม
- ดริปวิตามิน, ฉีดวิตามินผิว, NAD+ IV Therapy เหมือนกันไหม
- ฉีดผิวขาว อันตรายไหม?
- ดริปวิตามินผิว ทำให้ขาวขึ้นจริงไหม ทำกี่ครั้งจึงเห็นผล
- สรุป
ดริปวิตามินผิว (IV Drip) คืออะไร
ดริปวิตามิน หรือ Intravenous Therapy : IV Therapy เป็นการฉีดวิตามินและแร่ธาตุที่ผสมในน้ำเกลือ (นอร์มอลซาไลน์) เข้าสู่ผิวหนัง ผ่านหลอดเลือดดำ โดยวิธีการค่อย ๆ หยด (Drip) ซึ่งการดริปวิตามินนั้นจะมีหลากหลายสูตร การบำรุงผิวด้วยการดริปนั้นจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาการได้มากถึง 90-100% เพราะไม่ต้องผ่านกระบวนการใด ๆ จากร่างกาย เหมือนการกินที่ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินไปใช้ได้ประมาณ 30% เท่านั้น การดริปวิตามินผิว 1 ครั้งจะใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที โดยควรทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและต่อเนื่อง
NAD+ คืออะไร
ทำความรู้จักวิตามินบำรุงผิวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้ นั่นคือ NAD+ หรือ Nicotinamide adenine dinucleotide ที่เป็นหนึ่งในโมเลกุลที่มีในร่างกาย ที่เป็นอนุพันธ์ของวิตามินบี 3 ที่จะช่วยดูแลเซลล์ชะลอวัย และดูแลกระบวนการเมตาบอลึซึมของเซลล์ มากกว่า 5,000 ชนิด ทั้งยังมีส่วนช่วยยืดอายุของเซลล์ โคเอนไซม์ในขบวนการฟื้นฟูเซลล์ในระดับ DNA ซึ่งปกติระดับของ NAD+ ในร่างกายของเราจะลดลงเรื่อย ๆ ตามอายุที่มากขึ้น และสามารถลดลงได้ถึงมากกว่าร้อยละ 50 และเมื่อ NAD+ ในร่างกายเราลดลง จะทำให้ร่างกายเกิดการเสื่อมสภาพได้ ซึ่งอาจจะนำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่น โรคที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกาย ความเสื่อมถอยของระบบประสาท ความจำ ภาวะโรคหัวใจ โรคอ้วน ที่เกิดจากอายุที่มากขึ้น
ถ้าร่างกายขาด NAD+ จะเกิดอะไรขึ้น ?
การลดลงของ NAD+ ถือเป็นส่วนที่ทำให้ร่างกายเกิดปัญหาสุขภาพ เช่น เกิดการปิดการทำงานของโปรตีน Sirtuins และ ยับยั้งการทำงานของเอนไซน์ PARP ซึ่งทั้งสองมีความสำคัญต่อการเสื่อมของระบบประสาท และ สมอง ความจำลดลง เกิดภาวะสมองเสื่อมได้ อีกทั้งยังก่อให้เกิดโรคตามอายุขัย ไม่ว่าจะเป็นการอักเสบตามส่วนต่าง ๆ ของการร่างกาย หรือเกิดความชราได้ จึงทำให้ NAD+ เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับร่างกาย ที่จะช่วยรักษาเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย รวมทั้งช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ชะลอวัย (Anti-Aging) ได้
NAD+ มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร ?
การดูแลร่างกายสามารถทำได้หลายวิธี อย่างการเติมสารอาหาร หรือวิตามินบำรุงผิว ก็เป็นอีกวิธีที่ได้รับความสนใจ ทั้งยังเห็นดี โดยข้อดีของการเพิ่ม NAD+ ในร่างกายหลัก จะมีดังนี้
- ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทให้ดีขึ้น ปกป้องระบบประสาท และช่วยให้ความจำดีขึ้น
- NAD + ช่วยซ่อมแซม และปกป้องเซลล์ได้ถึงระดับ DNA อย่างล้ำลึก
- ช่วยลดอากาสมองล้า ลดความเครียดสะสม กระตุ้นให้เซลล์สมองทำงานดี
- คืนความอ่อนเยาว์ ชะลอความแก่ และซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมได้
- ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานดีขึ้น เพิ่มความแข็งแรง และช่วยทำให้สุขภาพดี
- กระตุ้นอัตราการเผาผลาญของร่างกาย และทำงานระดับเมตาบอลึซึม (Metabolism) ทำให้ลดน้ำหนักได้ง่ายมากขึ้น
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น และการได้ยินมากขึ้น
NAD+ IV Therapy คืออะไร
NAD+ Therapy ถือเป็นการดูแลผิวอย่างล้ำลึก ซึ่งจะช่วยซ่อมแซม และฟื้นฟูเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างพลังงาน ลดความเหนื่อยล้า ทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการเครียด ความกังวล หรือช่วยปรับสมดุลอารมณ์ให้คงที่ขึ้น นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่โดดเด่นอย่าง การชะลอวัย ที่จะช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้เซลล์ผิว โดยจะให้สารอาหารผิว NAD+ ผ่านการ Drip วิตามินผิว เข้าไปทางหลอดเลือดดำ เมื่อ NAD+ เข้าวิตามินสู่กระแสเลือด ทำให้สารอาหารถูกดูดซึมได้สูงสุดจากโมกุล เข้าบำรุงผิวได้อย่างรวดเร็ว NAD+ Therapy ถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ และ ปลอดภัยมากที่สุด
การทำ NAD+ Therapy เหมาะกับใคร
- ผู้ที่พักผ่อนน้อย ทำงานหนัก ทำให้ไม่มีพลังงาน และรู้สึกเหนื่อยง่าย
- ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก แต่ระบบย่อยอาหารไม่ดี และมีความแปรปรวน จึงทำให้ลดน้ำหนักไม่ได้
- ผู้ที่มีภาวะเสื่อมถอยของสมอง มีอารมณ์แปรปรวน เครียดง่าย หรือความจำไม่ดี
- ผู้ที่สนใจอยากฟื้นฟูระบบประสาทและสมอง ต้องการกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท
- ผู้ที่สนใจชะลอวัย รักษาระบบการทำงานภายในร่างกายให้มีความสมดุล
- ผู้ที่ต้องการเร่งฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
ใครที่เหมาะกับการทำ NAD+ IV Therapy
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- ผู้ป่วยโรคหัวใจ
- ผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน
- ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคความผิดปกติของไมโทคอนเดรีย
- ผู้ป่วยภาวะซึมเศร้า / โรควิตกกังวล / โรคเครียด
- ผู้ที่มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง มีความล้า เหนื่อยง่าย
- ผู้ที่มีปัญหาด้านความทรงจำ ไม่สมาธิ หรือความจำสั้น
- ผู้ที่ต้องการดูแลตัวเองให้มีสุขภาพที่แข็งแรง
ข้อดีของการดริปวิตามิน NAD+ IV Therapy
- ช่วยเพิ่มความเร็วในกระบวนการคิดให้ไวมากขึ้น ทั้งยังช่วยให้มีสมาธิและจดจ่อได้ดีขึ้น
- ช่วยลดความเครียด ความกังวล ทั้งยังช่วยปรับอารมณ์ที่แปรปรวนให้คงที่ขึ้น
- ช่วยส่งเสริมให้สุขภาพจิตดี สมองปลอดโปร่ง ทำให้อารมณ์ดี
- กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทให้ทำงานได้ดีขึ้น
- ลดอาการเหนื่อยล้า อ่อนแรงสำหรับคนที่ทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ช่วยเพิ่มพลังงาน ให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นตลอดทั้งวัน
- กระตุ้นการเผาผลาญระดับเซลล์ ช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น
- ซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ที่จำเป็นต่อร่างกาย ให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น
- คงความอ่อนเยาว์ ช่วยชะลอความแก่ระดับเซลล์ ช่วยทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ลง
- ลดการอักเสบจากภายใน ทำให้ร่างกายฟื้นฟูตัวได้ไว
ข้อควรปฏิบัติหลังการทำ NAD+ Therapy
เพื่อให้ตัวยาของ NAD+ Therapy ทำงานได้เต็มที่และมีประสิทธิภาพ ควรดูแลตัวเองให้สุขภาพดี ดังนี้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดี
- ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามิน และสารอาหารแบบครบถ้วน
- ควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายได้อย่างน้อยวันละ 1.5-2 ลิตร
- แนะนำให้ออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ เพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรง
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ เพื่อตัวยาจะได้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสุขภาพที่แข็งแรง
- ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน หมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำ
ทำไมต้องทำ NAD+ IV Therapy ที่ Wandee Clinic
การดริปวิตามินผิว หรือการทำ NAD+ Therapy ต้องเลือกทำกับโรงพยาบาลหรือคลินิกที่มีใบรับรองการเปิดสถานพยาบาล ที่มีมาตรฐาน ดำเนินการรักษาและดูแลทุกขั้นตอนด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือพยาบาลที่มีใบประกอบวิชาชีพ ทั้งนี้วิตามินที่เลือกตัวยาควรผ่านการรับรองมาตรฐาน อย. ปี 2023 ฉีดวิตามินผิวที่ไหนดี? Wandee Clinic ถือเป็นคลินิกที่ตอบโจทย์เรื่องดูแลผิวพรรณ และปรับรูปหน้า เรามีสูตรวิตามินดริปผิวที่มีคุณภาพ และผ่านการรับรองมาตรฐานอย่างถูกต้อง
- NAD+ IV Therapy ช่วยชะลอความแก่ บำรุงเซลล์ผิวฟื้นฟูความเหนื่อยล้า
- D1 Vit C + Collage ผิวกระจ่างใส ลดผด ลดรอยดำ ปรับผิวแข็งแรง
- D2 Aura Bright ผิวแลดูขาว ออร่า เนียนใส
- D3 White Premium ผิวเนียนใส ลดรอยดำ ลดผิวหมองคล้ำ
- D4 Wandee Signature สูตรเด่นของวันดีคลินิก ปรับสีผิวให้ขาวขึ้น 2-3 ระดับ
- D5 Stem Cell ฟื้นฟูผิวเสียถึงระดับ DNA ให้ผิวของคุณสุขภาพดีกว่าที่เคย
ดริปวิตามิน แตกต่างจากการกินอาหารเสริมไหม
การดริปวิตามินผิว คือ การหยดวิตามินเข้าทางหลอดเลือดดำโดยตรง โดยวิธีนี้จะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมและรับสารอาหารผิวได้โดยตรง และนำไปใช้ได้มากถึง 90-100% ซึ่งมากกว่าการดูดซึมวิตามินในรูปแบบเม็ด ที่ต้องผ่านการย่อย และกรองสารอาหารจึงสามารถทำให้ดูดซึมได้ที่ 20-40% หากต้องการดูแลผิวอย่างล้ำลึก และดูแลผิวอย่างเร่งด่วน แนะนำให้เลือกการดริปวิตามินสูตรเข้มข้น จะสามารถเห็นผลได้ชัดเจนกว่า
ดริปวิตามิน, ฉีดวิตามินผิว, NAD+ IV Therapy เหมือนกันไหม
สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า ดริปวิตามิน, IV Drip, ฉีดวิตามินผิว และ NAD+ IV Therapy นั้นเหมือนกันไหม หรือมีความแตกต่างกันอย่างไร ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นการดริปวิตามินผิวเหมือนกัน ซึ่งสามารถเรียกได้หลากหลายชื่อ โดยการดริปวิตามิน เป็นการให้วิตามินและแร่ธาตุ ผ่านทางหลอดเลือดดำเช่นเดียวกัน โดยจะมีหลากหลายสูตรให้ได้เลือก ไม่ว่าจะเป็น สูตรผิวแข็งแรง สูตรผิวขาวกระจ่างใส หรือสูตรที่ช่วยดูแลร่างกาย เพิ่มพลังงาน
ฉีดผิวขาว อันตรายไหม?
ฉีดผิวขาว หรือดริปวิตามินผิวขาว อันตรายไหม ? หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินข่าวว่า ดริปผิวแล้วเกิดอันตรายต่อร่างกาย หรือในบางรายอาจจะเกิดการเสียชีวิตนั้น เกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ เช่น ฉีดกับหมอกระเป๋า ฉีดกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือนำตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐานมาดริปเอง ควรเลือกคลินิกฉีดผิวที่มีมาตรฐาน และถูกกฎหมาย เลือกใช้วิตามินที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน อย. และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือพยาบาลเป็นผู้ดำเนินการรักษาให้ ก่อนเริ่มการฉีดผิว แพทย์จะซักประวัติ และวิเคราะห์ปัญหาผิวรายบุคคล จากนั้นจะเลือกสูตรวิตามินที่เหมาะสมมากที่สุด
ดริปวิตามินผิว ทำให้ขาวขึ้นจริงไหม ทำกี่ครั้งจึงเห็นผล
การดริปวิตามิน มีส่วนช่วยให้ผิวนั้นสว่าง กระจ่างใสขึ้น ทั้งยังช่วยให้ผิวมีความเรียบเนียนนุ่มขึ้น เพราะการดริปวิตามินผิวจะเป็นการเติมวิตามินรวมต่าง ๆ เช่น วิตามินซี วิตามินรวม และคอลลาเจน เข้าสู่ผิวโดยตรง จึงทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินมาใช้ได้อย่างเต็มที่ จึงทำให้ผิวพรรณมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้หากต้องการให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและต่อเนื่อง แนะนำให้ดริปวิตามินสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน หลังจากได้ผลลัพธ์ที่ต้องการแล้ว ก็สามารถปรับเป็นเดือนละ 2-3 ครั้ง เพื่อความสม่ำเสมอของผลลัพธ์ ซึ่งผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล และขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังดริปวิตามินด้วย
สรุป
NAD+ หรือ NAD+ IV Therapy คือ Nicotinamide adenine dinucleotide อนุพันธ์ของวิตามินบี 3 ที่จะช่วยดูแลเซลล์ชะลอวัย และดูแลกระบวนการเมตาบอลึซึมของเซลล์ มากกว่า 5,000 ชนิด ซึ่ง NAD+ IV Therapy ถือเป็นการดูแลผิวอย่างล้ำลึก ซึ่งจะช่วยซ่อมแซม และฟื้นฟูเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างพลังงาน ลดความเหนื่อยล้า ทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการเครียด ความกังวล หรือช่วยปรับสมดุลอารมณ์ได้ สำหรับใครที่ต้องการดริปวิตามิน NAD+ IV Therapy สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ได้ที่ วันดี คลินิก ได้ทุกสาขา
วันดี คลินิก (wandee clinic ) คลินิกความงามที่ได้มาตรฐาน ครบวงจร พร้อมมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีความยินดีที่จะให้บริการ และคอยให้คำปรึกษาแก่คุณลูกค้าทุกท่าน และแก้ปัญหาที่คุณต้องการไม่ว่าจะเป็น ดริปผิว, ดริปผิวที่ไหนดี, รีวิว ดริปผิว ,โปรโมชั่นคลินิก,คลินิกเสริมความงาม, คลินิกความงาม อย่างเป็นกันเองค่ะ
สามารถสอบถามเพิ่มเติมที่:
เว็บไซต์ : www.wandeeclinic.com