• เมโสแฟตกับโบท็อกต่างกันอย่างไร
• เมโสแฟตยี่ห้อไหนดี
• ข้อดีของการฉีด Diamond Fat
• เมโสแฟตอันตรายไหม
• เมโสแฟตฉีดจุดไหนได้บ้าง
• หลังฉีดเมโสแฟต มีข้อห้ามอะไรบ้าง
• เมโสแฟตกี่วันเห็นผล
• เมโสแฟตอยู่ได้นานเท่าไหร่
• รีวิวเมโสแฟต Wandee Clinic

เมโสแฟต (Meso Fat) และโบท็อก (Botox) เป็นหัตถการความงามยอดนิยม แต่มีจุดประสงค์การใช้งานและผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้:

เมโสแฟต (Meso Fat)

• วัตถุประสงค์: ใช้สลายไขมันส่วนเกินในบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้าและร่างกาย เช่น แก้ม เหนียง ต้นแขน ต้นขา
• กลไกการทำงาน: ฉีดสารสลายไขมัน (ส่วนใหญ่มี Deoxycholic Acid) เข้าไปในชั้นไขมันเพื่อช่วยให้ไขมันแตกตัวและถูกขับออกทางระบบของร่างกาย
• ผลลัพธ์: ช่วยลดไขมันส่วนเกิน ทำให้ใบหน้าเรียวเล็กหรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกายกระชับมากขึ้น
• ระยะเวลาเห็นผล: เริ่มเห็นผลหลังการฉีดประมาณ 2-4 สัปดาห์ และอาจต้องทำซ้ำ 2-3 ครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
• เหมาะกับใคร: ผู้ที่มีไขมันสะสมในจุดเล็ก ๆ ที่ต้องการลด เช่น แก้ม หรือเหนียง
• ผลข้างเคียง: อาจมีรอยบวมแดงเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด แต่จะหายภายใน 1-3 วัน

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ฉีดเมโสแฟต ยี่ห้อไหนดี ? รวมยี่ห้อเมโสแฟตที่ดีที่สุด ที่ผ่านอย.ไทย 2566

โบท็อก (Botox)

• วัตถุประสงค์: ใช้ลดริ้วรอยหรือปรับรูปหน้า เช่น ลดกราม ลดริ้วรอยหน้าผาก ตีนกา และยกกระชับผิว
• กลไกการทำงาน: ฉีดสาร Botulinum Toxin เข้าไปเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่หดเกร็ง ทำให้ริ้วรอยลดลงหรือช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อ เช่น กล้ามเนื้อกราม
• ผลลัพธ์:
• ลดริ้วรอยบนใบหน้า
• ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้นโดยลดขนาดกล้ามเนื้อ (เช่น กล้ามกราม)
• ระยะเวลาเห็นผล: เริ่มเห็นผลใน 3-7 วันหลังฉีด และอยู่ได้นาน 4-6 เดือน
• เหมาะกับใคร: ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าหรือยกกระชับในกรณีที่ไม่ได้เกิดจากไขมัน
• ผลข้างเคียง: อาจมีรอยเข็มเล็ก ๆ และอาการบวมแดงเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด แต่จะหายไปใน 1-3 วัน

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

โปรแกรม Botox คืออะไร? ฉีดตรงไหนได้บ้าง กี่วันเห็นผล Clinic Botox ขอนแก่นที่ไหนดี?

รวมเรื่อง ฉีดโบท็อกซ์ ถามมา-ตอบไป คำถามยอดฮิต ฉบับเข้าใจง่าย

อัปเดต โบท็อกซ์ 2025 ยี่ห้อไหนดี เลือกคลินิกอย่างไรถึงปลอดภัย

ข้อดีของการฉีด Diamond Fat

• ลดไขมันเฉพาะจุดได้

เหมาะสำหรับจุดเล็ก ๆ ที่มีไขมันสะสม เช่น แก้ม เหนียง หรือหน้าท้อง

ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

• ไม่มีการผ่าตัด

เป็นวิธีที่ไม่ต้องพักฟื้นและไม่เจ็บเหมือนการดูดไขมัน

• ฟื้นตัวเร็ว

หลังฉีด อาจมีรอยบวมเล็กน้อย แต่จะหายภายใน 1-3 วัน

• ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย

หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่าน อย. และฉีดโดยแพทย์ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเมโสแฟต ดีจริงไหม เหมาะกับใคร

เมโสแฟตฉีดจุดไหนได้บ้าง

• แก้ม เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันบริเวณแก้มเยอะ และผู้ที่มีใบหน้ากลม ทำให้กรอบหน้าไม่ชัด ซึ่งเมื่อฉีดเมโสแฟตไปแล้วจะทำให้หน้าดูเรียวเล็ก ดูมีมิติ และกรอบหน้าชัดมากขึ้น
• เหนียง เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณใต้คาง หรือผู้ที่มีปัญหาเหนียงเยอะ ซึ่งเมื่อฉีดบริเวณนี้จะช่วยให้กรอบหน้ามีความชัดเจนมากขึ้น และช่วยให้ผิวมีความกระชับมากยิ่งขึ้น
• ต้นแขน เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมัสะสมบริเวณต้นแขนเยอะ ทำให้แขนไม่มีความกระชับ แขนใหญ่ แขนหย่อนคล้อย ซึ่งการฉีดเมโสแฟตบริเวณนี้จะช่วยให้ต้นแขนมีขนาดเล็กลง และดูกระชับมากยิ่งขึ้น
• หน้าท้อง เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง ทำให้มีพุง มีรอบเอวหนา หรือหน้าท้องไม่กระชับ สามารถฉีดเมโสแฟตเพื่อเพื่อช่วยลดการเผาผลาญไขมันในบริเวณนี้เพื่อช่วยให้หน้าท้องมีความกระชับและมีขนาดเล็กลงได้
• ต้นขา เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาต้นขาใหญ่ เนื่องมาจากไขมันสะสมบริเวณต้นขาเยอะ สามารถฉีดเมโสแฟตเพื่อช่วยลดการเผาผลาญไขมันบริเวณนี้ได้ โดยผลลัพธ์ที่ได้คือ จะช่วยให้ต้นขามีความเล็กลง และมีความกระชับมากยิ่งขึ้น