มัดรวมคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ Biostimulator ปี 2025 ทำไมถึงมาแรง

Biostimulator หัตถการที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะเป็นหัตถการที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเห็นผลลัพธ์ที่ยาวนาน ทำให้เป็นอีกหัตถการที่คนส่วนใหญ่ หรือผู้คน วัย 30+ เลือกใช้ แต่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่ามียี่ห้ออะไรบ้าง และแต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นอย่างไร บทความนี้ Wandee Clinic (วันดี คลินิก) จะพาไปทำความรู้จักผ่านบทความ มัดรวมคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ Biostimulator ปี 2025 ทำไมถึงมาแรง นี้กันค่ะ

ทำไม Biostimulator ถึงเป็นที่นิยม

เพราะเป็นหัตถการที่สามารถเห็นผลลัพธ์หลังทำได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ต้องการลดริ้วรอย และต้องการเพิ่มความกระชับของผิวโดยไม่ต้องพึ่ง ฟิลเลอร์ หรือโบท็อกซ์ นอกจากนั้นสาเหตุที่ทำให้หัตถการกลุ่มนี้เป็นที่นิยมยังมีนอกเหนือจากที่กล่าวมา ดังนี้

• กระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะจะทำงานโดยกระตุ้นให้ร่างกายกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเองตามธรรมชาติ 
• ผลลัพธ์อยู่ได้นาน ไม่ต้องฉีดบ่อย โดยสามารถให้ผลลัพธ์ที่คงอยู่ได้นานประมาณ 12-24 เดือน ซึ่งสามารถอยู่ได้นานกว่าการทำหัตถการอื่น เช่น ฟิลเลอร์ หรือโบท็อกซ์ 
• ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ตลอดจนริ้วรอยร่องลึก ด้วยการฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน
• ฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากมลภาวะ แสงแดด ให้มีสุขภาพดี และแข็งแรงขึ้น
• ฟื้นฟูผิวลึกถึงระดับเซลล์ ทั้งยังช่วยปรับโครงสร้างให้ผิวมีความเรียบเนียน
• ช่วยปรับสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ ให้กระจ่างใสขึ้น 
• ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้น ให้แก่ผิว

Biostimulator ช่วยอะไรบ้าง

• ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ชนิดที่ 1 และชนิดที่ 3 ตามกระบวนการธรรมชาติ
• ฟื้นฟูผิวลงลึกถึงโครงสร้าง ทำให้โครงสร้างผิวมีความแข็งแรงในระยะยาว
• เติมเต็ม และลดเลือนริ้วรอย ทั้งร่องตื้นและร่องลึกบนใบหน้า
• เพิ่มความหนาแน่นให้แก่ผิว ทำให้ผิวมีความแน่น กระชับมากขึ้น
• ช่วยยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย
• กระชับรูขุมขน ให้ผิวมีความเรียบเนียนขึ้น
• ปรับปรุงคุณภาพผิว ให้มีความชุ่มชื้น อิ่มน้ำมากขึ้น 
• ลดความหมองคล้ำ ให้ผิวมีความกระจ่างใสมากขึ้น
• ผิวดูอ่อนเยาว์ ยืดหยุ่น และดูสุขภาพดี
• ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย

ในปัจจุบัน นั้นมีอยู่หลายยี่ห้อ และแต่ละยี่ห้อนั้นก็มีนวัตกรรมและส่วนผสมหลักที่แตกต่างกัน ดังนี้

Sculptra 

สารกระตุ้นคอลลาเจนจากบริษัท Galderma โดยเป็นสารสังเคราะห์ที่มีชื่อว่า Poly-L-Lactic acid หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า PLLA เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนตามธรรมชาติตัวแรกของโลก ที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก เนื่องจากสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ตามธรรมชาติของร่างกาย ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น ช่วยฟื้นฟูริ้วรอย และยกกระชับใบหน้าได้อย่างต่อเนื่องและยาวนาน ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก USFDA และThaiFDA และมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก  สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี

Ultracol

เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน หรือไหมน้ำ จากบริษัท UltraV Co.Ltd. ประเทศเกาหลี ที่มีส่วนประกอบหลักเป็น PDO เจ้าแรกของโลก ซึ่งเป็นวันสดุเดียวกับไหมเย็บแผลทางการแพทย์ ซึ่งมีการพัฒนาจนได้ PDO Microsphere ที่มีขนาดโมเลกุลขนาดเล็กระดับนาโน เพื่อให้ฉีดเข้าผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ จุดเด่นคือ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ช่วยปรับโครงสร้างผิวจากภายใน ทำให้ผิวมีความกระชับ ผิวเรียบเนียน ผิวดูอ่อนเยาว์ ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย.เกาหลี อย.ยุโรป อย.ไทย และอีก 13 ประเทศทั่วโลก และสามารถคงผลลัพธ์ได้ประมาณ 6-8 เดือน

JuveLook

สารกระตุ้นคอลลาเจนหรือไหมน้ำ จากประเทศเกาหลี ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่มีการผสานระหว่างสาร PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid) และ Hyaluronic Acid (HA) มาไว้ด้วยกัน จึงนิยมเรียกอีกชื่อคือ ไหมน้ำ ทำให้สามารถแก้ปัญหาผิวได้แบบ 2 in 1 คือการเติมเต็มความชุ่มชื้น และกระตุ้นคอลลาเจนได้ในระยะยาว ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และเหมาะกับทุกสภาพผิว ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก CE Mark (ยุโรป), KFDA อย.เกาหลีใต้, อย.เกาหลีและสามารถคงผลลัพธ์ได้ประมาณ 12-24 เดือน

Gouri

เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน ที่มีการนำสาร PCL (Polycaprolactone) ที่มาในรูปแบบของสารเหลว ใช้สำหรับกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวแน่น กระชับ และดูอ่อนเยาว์ขึ้น ไม่เพียงแต่ช่วยเติมเต็มริ้วรอย แต่ยังฟื้นฟูผิวให้ดูสุขภาพดีจากภายใน ทำให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น อิ่มน้ำ ชุ่มชื้น รูขุมขนเล็กลง ลดริ้วรอยร่องตื้น ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย. ประเทศไทย และ ผ่าน CE Approved จากในหลายประเทศทั่วโลก และสามารถคงผลลัพธ์ได้ประมาณ 6-12 เดือน

ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง

เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่แค่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่ยังสามารถฉีดได้ในหลายจุดของร่างกายเพื่อลดริ้วรอย และยกกระชับแบบเป็นธรรมชาติ ไปดูกันค่ะว่าสามารถฉีดตรงบริเวณไหนได้บ้าง

• บริเวณใบหน้า
  • ขมับ
  • ร่องแก้ม
  • ร่องมุมปาก
  • กรอบหน้า
  • ใต้ตา
  • แก้มตอบ
  • หลุมสิว
• ลำคอ
• หลังมือ
• บริเวณที่มีรอยแตก
• บริเวณที่มีรอยแผลเป็นบนผิวหนัง

โดยแต่ละบริเวณต้องใช้ ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดเพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับปัญหาผิวและการรักษาที่ตรงจุดที่สุดค่ะ

ฉีด Biostimulator แล้วกี่วันเห็นผล

เนื่องจาก เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ให้ผลลัพธ์แบบ ค่อยเป็นค่อยไป เพราะต้องใช้เวลาให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเอง จึงเป็นหัตถการทีไม่สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังทำ และจะสามารถเห็นผลเมื่อผ่านไปสักระยะ โดยปกติแล้วจะเริ่มเห็นผล ดังนี้

• 2-4 สัปดาห์แรก ผิวจะเริ่มกระชับขึ้นเล็กน้อย และเป็นช่วงที่เริ่มกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินในเซลล์ผิว ซึ่งแม้จะเป็นช่วงที่ยังไม่สามารถเห็นผลได้ชัดเจนมากนัก แต่จะรู้สึกได้ว่าผิวจะเริ่มรู้สึกแน่นขึ้นเล็กน้อย 
• 5-8 สัปดาห์ คอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3 จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ทำให้รู้สึกได้ว่าผิวมีความแน่น ผิวดูอิ่มฟู ริ้วรอยตื้น ๆ ก็จะเริ่มจางลง
• 3-6 เดือน จะเป็นช่วงที่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนที่สุด เพราะคอลลาเจนที่ถูกกระตุ้นจะสามารถเริ่มจัดเรียงกันได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้โครงสร้างของผิวมีความแข็งแรง และมีความยืดหยุ่นเพิ่มมากขึ้น ทำให้ใบหน้าดูอิ่มฟูขึ้นได้แบบเป็นธรรมชาติ และจะรู้สึกว่าผิวมีความกระจ่างใสมากขึ้น

ระยะการคงผลลัพธ์ของผลิตภัณฑ์แต่ละตัวนั้นมีความแตกต่างกัน เนื่องจากเทคโนโลยีในการผลิต และส่วนประกอบหลักที่นำมาผลิตนั้นมีความแตกต่างกัน จึงทำให้แต่ละผลิตภัณฑ์นั้นสามารถอยู่ได้แตกต่างกัน ดังนี้

ตารางเปรียบเทียบแต่ละชนิด

อาการข้างเคียงส่วนใหญ่ มันจะเป็นอาการชั่วคราวที่สามารถพบได้ทั่วไปหลังทำหัตถการและสามารถหายได้เมื่อผ่านไปสักระยะ โดยอาการสามารถพบได้ คือ

• อาการบวม แดง รอยฟกช้ำ ซึ่งสามารถประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมได้ และจะสามารถหายไปเองได้ภายใน 2-7 วัน
• มีอาการคัน เล็กน้อย ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาของผิวต่อสารที่ฉีด และจะสามารถลดลงภายใน 1-3 วัน 
• มีรอยนูนหรือก้อนเล็กบริเวณที่ฉีด ซึ่งสามารถนวดตามคำแนะนำของแพทย์ได้
• อาการฟกช้ำจากเข็ม เนื่องจากเข็มอาจไปโดนเส้นเลือดระหว่างฉีด ซึ่งจะสามารถหายไปเองใน 7-10 วัน 
• การติดเชื้อ เป็นอาการที่พบได้น้อยมาก เนื่องจากการดูแลที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดการติดเชื้อได้

การเตรียมตัวก่อนฉีด Biostimulator

• ศึกษาข้อมูลและเลือกประเภท ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับปัญหาผิว โดยควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษาเพื่อผลลัพธ์ที่ตรงจุดที่สุด
• งดทานยาและอาหารเสริมบางชนิด เช่น แอสไพริน (Aspirin), ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen), นาพรอกเซน (Naproxen) น้ำมันปลา (Fish Oil), วิตามินอี, โสม, แปะก๊วย, ขิง, ขมิ้นชัน ประมาณ 24-48 ชั่วโมงก่อนทำการรักษา
• ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญที่คอลลาเจนจะนำไปปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรง 
• หลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่นๆ ก่อนฉีด เช่น HIFU, Thermage, Botox หรือเลเซอร์ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
• งดแต่งหน้า เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
• หากมีโรคประจำตัว ควรแจ้งแพทย์ เพื่อความปลอดภัยของผู้ทำการรักษาเอง

หลังฉีด Biostimulator ดูแลยังไง

• หลีกเลี่ยงความร้อน และกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก ประมาณ 24-48 ชั่วโมง เพราะความร้อนอาจทำให้เส้นเลือดขยายตัว ทำให้เกิดรอยแดงหรือบวมมากขึ้น
• งดแต่งหน้าและสัมผัสแรง ๆ บริเวณที่ฉีด และควรงดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารกัดผิวแรง เช่น AHA, BHA, Retinol เป็นเวลา 1 สัปดาห์
• หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ ประมาณ 24-48 ชั่วโมง เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้เส้นเลือดขยายตัว อาจทำให้เกิดรอยช้ำง่าย
• หลีกเลี่ยงอาหารบางประเภท อาหารรสจัด, อาหารเผ็ด, ของหมักดอง – ลดโอกาสการอักเสบ
• งดน้ำมันปลา, วิตามินอี, โสม, แอสไพริน – เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดรอยช้ำ
• หลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่นๆ ก่อนฉีด เช่น HIFU, Thermage, Botox หรือเลเซอร์ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
• หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที